หนัง The Shadow’s Edge (2025) แผนระห่ำ ใหญ่ฟัดเดือด

บทความรีวิวภาพยนตร์: The Shadow’s Edge (2025)

ชื่อเรื่อง: The Shadow’s Edge (2025) / 潛行 (Qian Xing) ประเภท: แอ็กชัน, ระทึกขวัญ, อาชญากรรม (Action, Thriller, Crime) ประเทศ: จีน/ฮ่องกง (ตั้งเรื่องในมาเก๊า) ผู้กำกับและผู้เขียนบท: แลร์รี หยาง (Larry Yang) นักแสดงนำ:

  • เฉินหลง (Jackie Chan) รับบทเป็น หว่อง ตั๊ก-ชง (Wong Tak-chong)
  • เหลียง เจียฮุย (Tony Leung Ka-fai) รับบทเป็น ฟู ลุง-แซง / เดอะ แชโดว์ (Fu Lung-sang / The Shadow)
  • จาง จื่อเฟิง (Zhang Zifeng) รับบทเป็น เหอ ชิว-กัว (He Qiuguo)
  • เหวิน จุนฮุย (Wen Junhui – สมาชิกวง SEVENTEEN) รับบทเป็น หู เฟิง (Hu Feng) คะแนน IMDB (โดยประมาณ): 6.4/10 (อิงจากคะแนนคำวิจารณ์ในวงกว้าง)

 

🎬 เรื่องย่อโดยละเอียด (Plot Summary)

 

The Shadow’s Edge เป็นภาพยนตร์แนวแอ็กชัน-ระทึกขวัญที่เน้นการสอดแนมและต่อต้านอาชญากรรมทางไซเบอร์ โดยเป็นงานรีเมค (หรือดัดแปลง) อย่างหลวม ๆ มาจากภาพยนตร์ฮ่องกงปี 2007 เรื่อง Eye in the Sky

  1. อาชญากรรมที่ไม่ทิ้งร่องรอย:
    • เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นในมาเก๊า (Macau) เมื่อแก๊งโจรไฮเทคที่มีทักษะด้านเทคนิคพิเศษอย่างยิ่งยวด ได้ก่อเหตุปล้นครั้งใหญ่ในตู้เซฟธนาคารเพื่อขโมย กุญแจเข้ารหัสสกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrency)
    • สิ่งที่ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาเก๊าต้องงุนงงคือ ความสามารถของโจรแก๊งนี้ในการหลบเลี่ยงระบบกล้องวงจรปิดล้ำสมัย Sky Eye ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทำให้พวกเขาได้รับฉายาว่า “เดอะ แชโดว์” (The Shadow)
  2. การกลับมาของอัจฉริยะด้านการสะกดรอย:
    • ตำรวจจึงตัดสินใจเรียกตัว หว่อง ตั๊ก-ชง (เฉินหลง) อดีตผู้เชี่ยวชาญด้านข่าวกรองทางไซเบอร์และการสอดแนมที่เกษียณไปนานแล้ว ให้กลับมารับหน้าที่อีกครั้ง หว่องใช้ชีวิตเรียบง่ายในฐานะคนจูงสุนัข แต่เบื้องหลังเขามีความเชี่ยวชาญในการสังเกตและสะกดรอย
    • หว่อง ตั๊ก-ชง ได้จัดตั้งทีมสอดแนมชั้นยอดชุดใหม่ ซึ่งรวมถึง เหอ ชิว-กัว (จาง จื่อเฟิง) เจ้าหน้าที่ตำรวจสาวรุ่นใหม่ผู้เปี่ยมความมุ่งมั่น ที่มีแรงจูงใจส่วนตัวในการเข้าร่วมทีม เพราะพ่อของเธอซึ่งเป็นอดีตคู่หูของหว่อง ถูกสังหารขณะปฏิบัติหน้าที่
  3. การเผชิญหน้าระหว่างปรมาจารย์:
    • ทีมของหว่องใช้เทคนิคการสอดแนมแบบ “Old School” ผสมผสานกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ เพื่อแกะรอยตามกลุ่มโจรอย่างช้า ๆ และในที่สุดก็พบว่าหัวหน้าแก๊งอาชญากรรมที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมดคือ ฟู ลุง-แซง (เหลียง เจียฮุย) อาชญากรผู้หลบหนีคดีมานานกว่า 20 ปี และเขาคือคนที่หว่องเคยเกือบจับได้ในอดีต
    • (สปอยล์เริ่มต้น): ฟู ลุง-แซง หรือ “เดอะ แชโดว์” ไม่ได้ทำงานคนเดียว แต่มีลูกเลี้ยงที่เขาเลี้ยงดูและฝึกฝนทักษะให้จนกลายเป็นทีมโจรผู้เชี่ยวชาญ (ประกอบด้วยสมาชิกรุ่นเยาว์หลายคน รวมถึง หู เฟิง ที่รับบทโดย เหวิน จุนฮุย) ความสัมพันธ์ของฟูกับลูกเลี้ยงเต็มไปด้วยความซับซ้อนและตึงเครียด เนื่องจากลูกเลี้ยงบางคนต้องการโค่นล้มฟูเพื่อยึดเงินที่ปล้นมา
  4. ฉากไคลแม็กซ์และการทรยศ (Major Spoilers):
    • เกมแมวไล่หนู: ภาพยนตร์เข้าสู่จุดเข้มข้นเมื่อหว่องและฟูเริ่มเผชิญหน้ากันในการต่อสู้ทางความคิดและทางกายภาพ ฉากที่หว่องปลอมตัวเป็นพ่อของเหอ ชิว-กัว เพื่อสลายสถานการณ์ตึงเครียด หรือฉากอาหารค่ำที่เต็มไปด้วยความระแวงระหว่างสองปรมาจารย์ เป็นช่วงที่ขับเน้นการแสดงของ เฉินหลง และ เหลียง เจียฮุย ได้อย่างยอดเยี่ยม
    • ความรุนแรงในตระกูล: ความขัดแย้งภายในแก๊งของฟูรุนแรงขึ้นเมื่อลูกเลี้ยงวางแผนทรยศ โดยเฉพาะเมื่อฟูไม่เห็นด้วยกับการขโมยเงินคริปโตที่เพิ่มเข้ามา
    • (สปอยล์สำคัญ): หนึ่งในลูกชายของฟูวางแผนล่อลวงให้ฟูติดกับดักของกลุ่มนักฆ่า แต่ฟูสามารถเอาชนะพวกนั้นได้อย่างโหดเหี้ยม (แสดงให้เห็นความสามารถในการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมของเหลียง เจียฮุย) อย่างไรก็ตาม ลูกชายบางคนตัดสินใจเสียสละตัวเองเพื่อช่วยฟู หรือเพื่อทำลายหลักฐานก่อนจะถูกจับ ฟูถูกตำรวจจับกุมในที่สุด แต่เขาก็สามารถหลบหนีไปได้ในระหว่างการนำตัว
  5. บทสรุปและภาคต่อ:
    • แม้ว่าปฏิบัติการจะนำไปสู่การจับกุมและการหนีของฟู แต่ภารกิจหลักก็คือการเปิดโปงอาชญากรรมและสร้างความยุติธรรม นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาความสัมพันธ์แบบพ่อ-ลูก (Father-Daughter Bond) ระหว่างหว่องและเหอ ชิว-กัว ที่ปิดฉากลงด้วยความรู้สึกอบอุ่น
    • ฉากท้าย ๆ และ ฉากเครดิต (Post-Credit Scene) บอกเป็นนัยว่ายังมีอาชญากรคนอื่น ๆ ในแก๊งที่ยังคงหลบหนีอยู่ ซึ่งเป็นการปูทางสำหรับภาคต่อในอนาคต

 

📝 บทวิจารณ์และคำวิจารณ์ (Critique)

 

  • การรวมตัวของตำนาน: The Shadow’s Edge มีจุดขายที่แข็งแกร่งที่สุดคือการกลับมาพบกันของสองตำนานแห่งวงการภาพยนตร์ฮ่องกง ได้แก่ เฉินหลง และ เหลียง เจียฮุย ทั้งคู่ถ่ายทอดบทบาทนักแสดงรุ่นเก๋าที่ใช้สมองมากกว่ากำลังได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะฉากที่ทั้งสองปะทะคารมและไหวพริบกัน
  • การกลับคืนสู่ฟอร์มแอ็กชัน: นักวิจารณ์ส่วนใหญ่ยกย่องว่าภาพยนตร์เรื่องนี้คือ “การกลับคืนสู่ฟอร์ม” (Return to Form) ของเฉินหลง นับตั้งแต่ The Foreigner (2017) ฉากต่อสู้ของเฉินหลงในเรื่องนี้มีความดิบ, รุนแรง, และจริงจัง (Gritty and Guttural) มากกว่าการใช้มุกตลกท่าทางอย่างที่เคยเป็นมา โดยมีการออกแบบฉากแอ็กชันที่ไม่เหมือนใครและใช้ความสามารถของเขาทั้งในด้านการต่อสู้และการแสดงผาดโผน
  • จุดเด่น: แอ็กชันและทีมงาน:
    • ฉากแอ็กชันมีความเข้มข้นสูงและมีการใช้เทคนิคสตันท์ที่น่าทึ่ง (รวมถึงฉากที่โชว์ให้เห็นการทำงานจริงในส่วนท้ายเครดิตแบบฉบับเฉินหลง)
    • เหลียง เจียฮุย ในบทตัวร้ายมีความน่าเกรงขามและแสดงให้เห็นความสามารถในการต่อสู้ที่ดุดัน
    • จาง จื่อเฟิง ในบทตำรวจสาวรุ่นใหม่ก็ทำหน้าที่ได้ดี และเป็นตัวละครที่ขับเคลื่อนเรื่องราวไปพร้อมกับเฉินหลง
  • จุดอ่อน: ความยาวและเนื้อเรื่องที่ซับซ้อน:
    • ข้อวิจารณ์หลักคือ ความยาวของหนัง (Runtime 142 นาที) ที่รู้สึกยืดเยื้อในบางช่วง โดยเฉพาะในองก์ที่สอง และเนื้อเรื่องที่พยายามใส่ปมย่อย (Subplots) และตัวละครย่อยมากเกินไป (โดยเฉพาะเรื่องราวของลูกเลี้ยงของฟู) ทำให้พล็อตหลักบางส่วนดูสับสนและมีช่องโหว่ทางตรรกะ (Plot Holes) สำหรับภาพยนตร์ที่เน้นการสอดแนม
  • สรุป: The Shadow’s Edge เป็นภาพยนตร์แอ็กชัน-ระทึกขวัญที่สนุกและน่าติดตาม มีการกำกับที่คมคาย (Slick) และฉากแอ็กชันที่ยอดเยี่ยม ถือเป็นหนึ่งในผลงานที่ดีที่สุดของเฉินหลงในรอบหลายปี ถึงแม้จะมีปัญหาเรื่องความยาวของหนังและเนื้อเรื่องที่ “ใส่เยอะเกินไป” ในบางจุด แต่พลังดาราและการปะทะกันของเฉินหลงและเหลียง เจียฮุยก็ทำให้หนังเรื่องนี้เป็นสิ่งที่คอหนังแอ็กชันไม่ควรพลาด

ตัวอย่าง

 

คำแนะนำ: ผู้ชมที่ต้องการหนังแอ็กชันแบบฮ่องกงยุคเก่าที่มาพร้อมกับโปรดักชันสมัยใหม่ การแสดงคุณภาพ และฉากต่อสู้ที่ดุดันของเฉินหลง ควรจะชื่นชอบเรื่องนี้อย่างมาก

Author: omrga

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *