คำว่า “โรเบิร์ต ไอน์สไตน์” (Robert Einstein) อาจหมายถึง ญาติของอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ผู้เป็นนักฟิสิกส์ชื่อดัง อย่างไรก็ตาม ข้อมูลส่วนใหญ่ที่ค้นพบเกี่ยวข้องกับ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ (Albert Einstein) มากกว่า ซึ่งเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงและผลงานที่เป็นที่รู้จักในระดับโลก
หากคุณต้องการทราบเกี่ยวกับ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ นี่คือชีวประวัติและผลงานที่สำคัญของเขา:
ชีวประวัติ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ (Albert Einstein)
อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ เป็นนักฟิสิกส์เชิงทฤษฎีชาวเยอรมันโดยกำเนิด ซึ่งถือเป็นหนึ่งในนักวิทยาศาสตร์ที่ทรงอิทธิพลที่สุดแห่งศตวรรษที่ 20
- วันเกิด-เสียชีวิต: 14 มีนาคม ค.ศ. 1879 – 18 เมษายน ค.ศ. 1955
- สถานที่เกิด: เมืองอุล์ม (Ulm) ในรัฐเวือร์ทเทิมแบร์ค จักรวรรดิเยอรมัน
- สัญชาติ: เปลี่ยนแปลงหลายครั้ง เริ่มจากเยอรมัน (ละทิ้งในปี 1896) ไร้สัญชาติ สวิส (ปี 1901) กลับมาเยอรมัน (ปี 1914) และต่อมาเป็นพลเมืองสหรัฐอเมริกา (ปี 1940)
- การศึกษา: จบการศึกษาจากสถาบันเทคโนโลยีแห่งสหพันธ์สวิส (Swiss Federal Institute of Technology) ในซูริก และได้รับปริญญาเอกในปี 1905 จากมหาวิทยาลัยซูริก
- อาชีพในช่วงเริ่มต้น: เข้ารับตำแหน่งเป็นเจ้าหน้าที่ผู้ตรวจสอบที่สำนักงานสิทธิบัตรของสวิตเซอร์แลนด์ในกรุงเบิร์น ซึ่งเป็นช่วงที่เขาสร้างผลงานทางวิทยาศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดหลายชิ้น
ผลงานที่สำคัญของ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์
ไอน์สไตน์ได้รับ รางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ ในปี 1921 สำหรับ “การบริการด้านฟิสิกส์เชิงทฤษฎี โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการค้นพบกฎของปรากฏการณ์โฟโตอิเล็กทริก” ผลงานที่สำคัญที่สุดและพลิกโฉมวงการวิทยาศาสตร์ ได้แก่:
1. ทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษ (Special Theory of Relativity) – 1905
ทฤษฎีนี้มีพื้นฐานอยู่บนข้อสมมติฐานสองข้อ:
- กฎของฟิสิกส์มีรูปแบบเหมือนกันสำหรับผู้สังเกตทุกคนที่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วคงที่
- ความเร็วของแสงในสุญญากาศมีค่าคงที่สำหรับผู้สังเกตทุกคน ไม่ว่าผู้สังเกตจะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วเท่าใดก็ตาม
ทฤษฎีนี้นำไปสู่การค้นพบความสัมพันธ์ระหว่างมวลและพลังงานที่โด่งดังที่สุดในโลก:
เมื่อ E คือพลังงาน m คือมวล และ c คือความเร็วแสง ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามวลและพลังงานสามารถเปลี่ยนรูปซึ่งกันและกันได้
2. ทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไป (General Theory of Relativity) – 1915
ทฤษฎีนี้เป็นการพัฒนาต่อยอดจากทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษ โดยเสนอ คำอธิบายใหม่เกี่ยวกับแรงโน้มถ่วง โดยระบุว่า แรงโน้มถ่วงไม่ใช่แรง แต่เป็น ผลมาจากการโค้งงอของปริภูมิ-เวลา (spacetime) ที่เกิดจากมวลและพลังงาน ทฤษฎีนี้ทำให้นักวิทยาศาสตร์สามารถทำนายปรากฏการณ์ต่าง ๆ ได้แม่นยำขึ้น เช่น:
- การโค้งของแสงเมื่อผ่านวัตถุที่มีมวลมาก (Gravitational Lensing)
- การเคลื่อนที่ของวงโคจรของดาวพุธที่คลาดเคลื่อนไปจากที่ทฤษฎีของนิวตันทำนายไว้
3. ปรากฏการณ์โฟโตอิเล็กทริก (Photoelectric Effect) – 1905
ไอน์สไตน์อธิบายว่าแสงประกอบด้วยอนุภาคเล็ก ๆ ของพลังงานที่เรียกว่า “โฟตอน” หรือ “ควอนตา” และพลังงานของโฟตอนเหล่านี้เป็นสัดส่วนกับความถี่ของแสง การค้นพบนี้เป็นการตอกย้ำทฤษฎีควอนตัม และเป็นเหตุผลหลักที่เขาได้รับรางวัลโนเบล
4. การเคลื่อนที่แบบบราวน์ (Brownian Motion) – 1905
ไอน์สไตน์ได้ให้คำอธิบายทางคณิตศาสตร์เกี่ยวกับการเคลื่อนที่แบบสุ่มของอนุภาคเล็ก ๆ ในของเหลวหรือแก๊ส ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญที่ช่วยยืนยันการมีอยู่ของ อะตอมและโมเลกุล
อย่างไรก็ตาม หากคุณหมายถึง โรเบิร์ต ไอน์สไตน์ ที่เป็นลูกพี่ลูกน้องของอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ข้อมูลระบุว่าเขาเกิดในปี 1884 เป็นลูกชายของ Jakob Abraham Einstein ซึ่งเป็นน้องชายของ Hermann Einstein (พ่อของอัลเบิร์ต) โรเบิร์ต ไอน์สไตน์อาศัยอยู่ในอิตาลีเป็นเวลานาน และเป็นที่รู้จักจากเหตุการณ์สะเทือนใจที่ครอบครัวของเขาถูกสังหารโดยทหารเยอรมันที่วิลล่าของเขาในอิตาลีในปี 1944 ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งเหตุการณ์นี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับผลงานทางวิทยาศาสตร์ที่สำคัญของตระกูล
ลองรับชมวิดีโอ 7 เรื่องราวชีวิต อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ นักฟิสิกส์สุดอัจฉริยะ เพื่อทำความเข้าใจเรื่องราวชีวิตของ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ได้มากขึ้น วิดีโอนี้กล่าวถึงเรื่องราวชีวิตของอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ นักฟิสิกส์ผู้ยิ่งใหญ่ ซึ่งเป็นบุคคลที่คำว่า “โรเบิร์ต ไอน์สไตน์” อาจจะมีความคลาดเคลื่อนและหมายถึงคนผู้นี้